คนไทยจำนวนไม่น้อยมักมีความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับ “ประกันชีวิต” ซึ่งถ้ามองในความเป็นจริงๆ ประกันชีวิตถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่เราพึงมี เพราะในอนาคตเราไม่สามารถรู้ได้ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเรา แต่ถ้าเราซื้อประกันชีวิตไว้ ทางบริษัทก็จะดูแลความมั่นคงด้านการเงิน แต่คนส่วนใหญ่มักมองข้ามข้อดีเหล่านี้ไป ซึ่งในบทความนี้เราได้รวบรวมความเชื่อผิดๆไว้ ดังนี้
1.ประกันชีวิตหลอกลวง
เรามักจะได้ยินกันบ่อยครั้งว่า “ประกันชีวิตไม่ดี” เวลาเราถูกขายจากตัวแทน เรามักจะเดินหลบ หรือแม้แต่การขายประกันผ่านทางโทรศัพท์ จริงไหมที่เราตัดสาย ไม่รับสาย ยิ่งที่เจอตัวแทนที่ให้ข้อมูลที่ไม่ครบ ก็จะทำให้ผู้ซื้อประกันเข้าใจผิดว่าจะได้รับเงินในอีก 5-10 ปีข้างหน้า แต่ในความเป็นจริงจะต้องรออีก 20 ปีกว่าจะได้รับเงินก้อนนี้ หลายเรื่องที่เกิดขึ้นกลายเป็นบทสรุปที่ว่า “ประกันนั้นหลอกลวง” แต่ความจริงคือ ประกันชีวิต คือ “การคุ้มครองชีวิต” ส่วนเรื่องความคิดเห็นเกี่ยวกับตัวแทนประกันนั้น ที่เราได้ยินว่าประกันหลอกลวง อยากให้มองอีกมุมหนึ่ง ตัวแทนขายประกันที่ดีๆก็มี อย่าตัดสินคนเพียงคนเดียว
2.ออมเงินกับประกันชีวิตเหมือนการฝากเงินไว้กับธนาคาร
จริงๆแล้วเคยกล่าวไว้ในบทความเรื่อง “ออมเงินกับประกันชีวิต” กับ “ฝากเงินไว้กับธนาคาร” เลือกแบบไหนดีนะ? ซึ่งบทความนั้นได้กล่าวไว้หมดแล้วว่า การออมเงินทั้งสองแบบนี้มีความแตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเราเกิดเสียชีวิต การที่เราฝากเงินกับประกันชีวิต ทางบริษัทประกันจะจ่ายเงินตามจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ระบุไว้ให้แก่ผู้รับประโยชน์ที่คุณระบุไว้ในสัญญา ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่มากกว่าเบี้ยประกันภัยที่ชำระไปแล้ว แต่ในถ้าเราฝากเงินกับธนาคารนั้น เราหรือทายาท จะได้รับจำนวนเงินเท่าที่ฝากไว้พร้อมกับดอกเบี้ยนั่นเอง
3.ไม่จำเป็นต้องอ่านข้อมูลในเล่มกรมธรรม์
ข้อนี้สำคัญมาก เราจะเป็นต้องอ่านข้อมูลในเล่มกรมธรรม์ให้ละเอียด เพราะประกันชีวิตแต่ละแบบมีความคุ้มครอง ผลประโยชน์ และการจ่ายเงินชดเชยที่แตกต่างกัน และควรตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลส่วนตัว ความคุ้มครอง และผลประโยชน์ของแบบประกันที่ระบุไว้ในเล่นกรมธรรม์ เพื่อให้มั่นใจว่าเราได้ทำประกันตรงตามเป้าหมายที่ต้องการ
4.ประกันชีวิตมีไว้สำหรับผู้สูงอายุเท่านั้น
ปัจจุบันนี้ เชื่อว่ายังมีหลายคนคิดแบบนี้อยู่ ซึ่งในความเป็นจริงการทำประกันชีวิตเหมาะกับทุกเพศ ทุกวัย ยิ่งถ้าเราซื้อประกันชีวิตตั้งแต่อายุน้อยๆ อาจใช้ประโยชน์ในแง่ของการวางแผนทางการเงินได้คุ้มค่ากว่าการที่เราซื้อเอาตอนอายุมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประกันแบบสะสมทรัพย์ที่มักให้ผลตอบแทนสูง ควบคู่ไปกับความคุ้มครองดีๆ
5.คนโสด ไม่จำเป็นต้องมีประกันชีวิตก็ได้
ไม่ว่าจะมีครอบครัวหรือไม่มีก็ตาม อย่าคิดว่าประกันชีวิตไม่จำเป็น เพราะประกันชีวิตนั้นสามารถช่วยดูแลเราในยามที่เราแก่ตัวลง ไม่สามารถทำงานได้ หรือเข้าวัยเกษียณ ซึ่งประกันชีวิตนั้น มีแบบประกันเพื่อการเกษียณและแบบบำนาญ ที่ช่วยเราวางแผนสำหรับบั้นปลายชีวิตอีกด้วย
6.ประกันชีวิตควบการลงทุน ให้ผลตอบแทนมากกว่ากองทุนรวม
ความจริงแล้วประกันชีวิตควบการลงทุน กับกองทุนรวม มีการทำงานที่แตกต่างกัน คือ กองทุนรวม เน้นการลงทุน ส่วนประกันชีวิตควบการลงทุน เน้นความคุ้มครองชีวิต ส่วนในเรื่องของผลตอบแทน เรานำเงินไปซื้อกองทุนรวมรับผลตอบแทนเต็มๆ แต่ในขณะที่ประกันชีวิตควบการลงทุน เงินที่เราจ่ายเบี้ยประกันไปนั้นจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ จ่ายเบี้ยประกันและนำไปลงทุนกองทุนรวม ทำให้ผลตอบแทนของกองทุนรวมมากกว่าประกันชีวิตควบการลงทุน
ยกตัวอย่างเช่น ตอนนี้อายุ 30 มีความรู้เรื่องกองทุนรวมเรียบร้อยแล้ว อยากเก็บสะสมเงินใช้ตอนเกษียณปีละ 24,000 บาท รับความเสี่ยงได้สูงมาก คาดว่าจะได้รับผลตอบแทน 6% ถ้าเก็บเงินไปได้ 10 ปีแล้วเกิดเหตุไม่คาดฝันเสียชีวิต อย่างกองทุนรวม ครอบครัวจะได้รับเงินประมาณ 316,339 บาท ส่วนประกันชีวิตควบการลงทุน ครอบครัวได้รับเงินประมาณ 1,751,067 บาท (เงินลงทุน + ทุนประกัน) เราจะเลือกแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับเป้าหมายการเงินของตนเอง ว่าต้องการใช้เงินก้อนนี้ทำอะไร เช่น ลดหย่อนภาษี เงินค่าเทอมลูก เงินเกษียณตัวเอง ดูแลพ่อแม่ แต่สำหรับคนโสดคิดว่าต้องอยู่คนเดียวตลอดชีวิต แต่ชอบการลงทุน รักความเสี่ยง ก็อาจจะเน้นที่กองทุนรวมเพราะได้รับผลตอบแทนสูง
7.เบิกเงินจากประกันชีวิตตอนไหนก็ได้และได้รับเงินคืนทั้งหมด
อย่างแรกต้องทำความเข้าใจใหม่ก่อนว่า ประกันชีวิตนั้น คือความคุ้มครองชีวิต เราจะได้รับเงินตามจำนวนที่เขียนไว้ในเอกสาร ไม่ใช่เงินฝากที่จะถอนออก เมื่อไหร่ก็ได้ ถ้ายกเลิกประกันชีวิตจะได้รับเงินคืนตามตารางกรมธรรม์นั่นเอง
8.มีแค่ประกันกลุ่มก็เพียงพอแล้ว
ร้อยละ 70 ของคนที่ไม่ซื้อประกันชีวิตเชื่อว่าแค่ประกันสังคมและประกันที่บริษัทหรือนายจ้างทำให้ก็เพียงพอแล้ว โดยลืมนึกไปว่าประกันเหล่านั้นจะมีผลก็ต่อเมื่อเรายังทำงานกับเขาอยู่เท่านั้น หากวันใดลาออกหรือตกงาน ชีวิตเราก็แทบไม่มีหลักประกันอะไรเลย เราจึงควรซื้อประกันชีวิตของตนเองไว้สักฉบับเพื่อความอุ่นใจยามเกิดเหตุไม่คาดฝันในอนาคต
9.ประกันชีวิตเหมาะสำหรับหัวหน้าครอบครัวอย่างเดียว
ความคิดนี้ผิดอย่างรุนแรง เพราะประกันชีวิตจำเป็นสำหรับทุกคนในครอบครัว หากใครคนใดคนหนึ่งเป็นอะไรไป ย่อมส่งผลกระทบต่อครอบครัวไม่มากก็น้อย เพียงแต่ต้องพิจารณาแบบประกันที่เหมาะกับคนแต่ละช่วงวัย เช่น ซื้อประกันสำหรับเด็กให้ลูก ประกันบำนาญให้พ่อกับแม่ที่วางแผนเกษียณอายุงาน เป็นต้น
10.ได้สิทธิ์ลดหย่อนภาษี ก็แค่ซื้อประกันชีวิต
ก่อนตัดสินใจซื้อประกันชีวิต เพื่อลดหย่อนภาษี ควรทำความเข้าใจกฏเกณฑ์ในการลดหย่อนภาษีด้วยและตรวจสอบว่าประกันชีวิตที่เราวางแผนจะซื้อนั้น เข้าเกณฑ์ในการลดหย่อนภาษีหรือไม่ เพราะหากเราซื้อประกันที่ไม่ตรงตามเกณฑ์ลดหย่อนภาษี จะทำให้พลาดการใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้
หวังว่า ทุกคนได้เห็นความสำคัญของประกันชีวิตมากขึ้น และลบความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับประกันชีวิต อย่างไรก็ตาม ประกันชีวิตยังมีรายละเอียดอื่นๆ ที่ทุกคนพึงรู้อีกมาก ไหนจะเรื่องของประกันชีวิตที่มีอีกหลายแบบให้เราเลือก ซึ่งก่อนจะซื้อทุกครั้ง จะย้ำเสมอว่า ควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมให้ละเอียดรอบคอบเสียก่อน เพื่อประโยชน์ต่อตนเอง