มกราคม 16, 2025
อิสรภาพทางการเงินของคนไทย 202218

ปัญหาที่ทำให้คนไทย 95 % ขาดอิสรภาพทางการเงิน

สวัสดีทุกท่านครับ .. “เงิน” ผมตั้งคำถามอยู่ตลอดเวลานะว่าเราควรนำเรื่องเงินมาคุยแบบในชีวิตประจำวันไหม เหมือนกับสิ่งที่เรานั่งคุยกันในเรื่องของละครที่พึ่งจบไปเมื่อคืน หรือเราควรจะหยิบมาพูดเหมือนกับฟุตบอลที่เพิ่งจบไปเมื่อวานนี้ว่าใครชนะบ้าง หรือว่าแมนยูไม่ได้อยู่ในตารางผู้นำบ้าง หรือควรจะมาคุยกันเหมือนเรื่องดราม่าที่คุยกันอยู่ทุกวันนี้ในเรื่องของเงิน 

คำตอบของผมในเรื่องนี้ ผมมองว่าจริง ๆ เราควรที่จะหยิบเงินมาพูดถูกไหม เงินอยู่ใกล้ตัวที่สุดในชีวิต เราใช้ทุกวัน เราสัมผัสทุกวัน แต่เราหลีกเลี่ยงที่จะคุยเรื่องเงินด้วยเหตุผลบางเรื่องครับ เช่น เงินถูกมองว่าเป็นปีศาจร้ายเพราะมันนำมาสู่ความโลภ  นำมาสู่ความที่คนคิดว่าเงินต้องพูดถึงเรื่องความรวยมันจะมุ่งไปสู่กิเลส แล้วเราก็จะหลีกเลี่ยงในการพูดเรื่องเงิน เพราะฉะนั้นเวลาเราพูดเรื่องเงิน ผมจะพยายามระมัดระวังมากว่าจะไม่ให้ใครก็ตามที่พูดเรื่องเงินแล้วไปเกี่ยวโยงกับความโลภ เราเลยใช้คำว่า “อิสรภาพทางการเงิน”

อิสรภาพทางการเงิน คืออะไร? เราต้องทำความเข้าใจอีก เพราะบางคนก็เอา อิสรภาพทางการเงิน ไปใช้ในทางที่ผิด เช่น อิสรภาพทางการเงิน พบได้ง่าย ๆ รวยไว ผมถามนิดนึงหนังสือที่อยู่ในตลาดทุกวันนี้ที่พูดถึงคำว่ารวยไว ถ้ามันรวยไวจริงประเทศไทยจะมีคนรวยเท่านี้เหรอ จะมีคนมีอิสรภาพทางการเงินเท่านี้เหรอ มันไม่ได้ง่ายอย่างนั้น เพราะฉะนั้นเรามาทำความเข้าใจก่อนว่าอิสรภาพทางการเงินคืออะไร 

อิสรภาพทางการเงินในความหมายของผมก็คือ การที่คุณมีรายได้จากทรัพย์สินไม่ได้เกิดขึ้นจากการทำงาน แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะหยุดทำงานนะครับเมื่อคุณมีอิสรภาพทางการเงิน แต่เป็นรายได้ที่เกิดขึ้นจากทรัพย์สิน แล้วรายได้นั้นมันคัฟเวอร์กับค่าใช้จ่ายที่เราจะใช้ในชีวิตที่เหลือของเรานั่นคือ “อิสรภาพทางการเงิน”

คำถามต่อมาคือ ถ้าเราไปพูดแบบนี้ให้เด็ก ๆ ฟัง เด็กจะเข้าใจไหมกับคำว่าอิสรภาพทางการเงิน เด็ก 10 ขวบจะรู้เรื่องไหม ผมบอกได้เลยว่าไม่รู้เรื่อง เพราะฉะนั้นผมก็เลยใช้ลูกผมเป็นสิ่งทดลอง อายุ 10 ขวบลองคุยกันเรื่องนี้ดูสิ ผมไม่คุยเลยว่าอิสรภาพทางการเงินคืออะไร แต่ผมจะให้รู้ว่าเงินมันงอกได้ 

ผมพาลูกไปที่ธนาคารเอาเงินที่ได้แต๊ะเอียมาฝากเงินในบัญชีประจำ แค่เริ่มต้นจากบัญชีประจำนะครับ อีก 3 เดือนถัดไปไปอัปเดตบุ๊ก และได้บอกกับลูกว่า พ่อจะไม่ทำอะไรเลยกับบุ๊กนี้ ไม่เติมเงิน ไม่อะไรทั้งสิ้น เมื่อครบ 3 เดือนไปอัพเดทบุ๊ก ปรากฏว่าเงินเพิ่มขึ้นมา 30 บาท คุณคิดว่า 30 บาทเด็กจะคิดอย่างไรครับ พวกเรา 30 บาทมีความรู้สึกเฉย ๆ แต่ถ้าคุณไปพูดกับเด็ก 30 บาท เด็กจะบอกว่า โอ้โหว! มาม่าตั้ง 5 ห่อ มันเป็นความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ของเด็กมาก 

เพราะฉะนั้นคำถามที่ต้องการคำตอบมากที่สุด เด็ก ๆ ควรเรียนรู้เรื่องอิสรภาพทางการเงินตั้งแต่สิบขวบไหม? คำตอบคือ ควร แต่ปัญหาคือ ระบบการศึกษาของบ้านเราไม่มี มีแต่สอนให้เราหาเงินไปทำอาชีพนั้น ซึ่งไม่ผิดอะไรนะครับ สอนเรื่องอาชีพเพื่อให้หาเงิน สอนให้เราเปิดธุรกิจส่วนตัวให้ไปหาเงิน แต่ไม่เคยสอนให้เราเอาเงินไปทำงานให้เรา แล้วทำงานตอนที่เราหลับ เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณไม่สามารถให้เงินทำงานตอนที่คุณหลับได้ คุณจะต้องทำงานไปจนวันตายนั่นคือคำพูดของวอร์เรน บัฟเฟตต์ ไม่ใช่คำพูดของผมนะ เดี๋ยวจะเครมเอา แต่มันเป็นคำพูดที่จริง..

การศึกษาของบ้านเราบอกตามตรงไม่ได้สอนให้เด็กเข้าใจคำว่าอิสรภาพทางการเงินนะครับ แต่สอนให้เข้าใจคำว่าหาเงิน ซึ่งไม่ผิดอะไร ถ้าเราไม่ทำเลยในปัจจุบันนี้จะเกิดอะไรขึ้น เวลาลูกผมเห็นเงิน 30 บาทเพิ่มขึ้นมา ผมอธิบายต่อเลยครับนั่นคือ การปลูกต้นไม้ อิสรภาพทางการเงินคือ การปลูกต้นไม้ลูก เมื่อใดก็ตามที่ต้นมันใหญ่มากพอ สุดท้ายมันจะออกดอกออกผล และผลเหล่านั้นมันจะให้เรากินไปจนชั่วชีวิตของเรา แล้วตราบใดที่ต้นไม้มันยังโตอยู่ แล้วเรายังไม่ตัดมัน มันก็ยังคงออกดอกออกผลให้เรา แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ลูกตัดมันหมดในวันนั้น มันก็จะไม่มีผลให้เราได้กิน

ถ้าเราไม่สอนแบบนี้ เราจะเห็นตัวเลขนี้ไปตลอดครับ มี 5 คนจาก 100 คนที่เกษียณเท่านั้นในประเทศไทยที่มีอิสรภาพทางการเงิน ไม่ต้องไปฟังคนที่เดินมาบอกคุณหรือบอกเด็กของเราว่า “มีเงินใช้ให้หมดนะ เดี๋ยวก็ตาย” มีคนพูดประโยคนี้ได้เพียงแค่ 36 คนเพราะเขาตายจริง เขาอายุ 65 ปีแล้วเขาตาย ที่เหลือไม่ตายครับ มี 4 คน ที่มีอิสรภาพทางการเงิน อีก 1 คนเป็นคนมั่งคั่งก็คือรวมกันเป็น 5 % 

5% อิสรภาพทางการเงิน
ภาพจาก : Kavee Chukitkasem

5 คนนี้ทำอะไรที่ไม่เหมือนคนอื่นเหรอ ถึงมีอิสรภาพทางการเงิน? 5 คนนี้เก่งกว่าเราสิบเท่าร้อยเท่าเหรอ? หรือ 5 คนนี้เขามีการศึกษาดีกว่าเราร้อยเท่าสิบเท่าเหรอ? ไม่ใช่เลยครับ แต่ 5 คนนี้เขากล้าที่จะเดินออกมาแล้วทำในสิ่งที่แตกต่างที่ไม่ใช่คนส่วนใหญ่ทำ สิ่งนั่นคืออะไร 

นี่คือ 5 คนที่ผมยกตัวอย่างขึ้นมา วงกลมแต่ละวงคือขนาดสินทรัพย์หรือขนาดต้นไม้ที่แต่ละคนมี ผมไม่ได้ตั้งใจยกคนรวยขึ้นมา  ผมเข้าใจว่า 5 คนที่ท่านเห็นอยู่นี้เป็นคนรวย แต่ผมมั่นใจว่าเขาเป็นคนที่สามารถที่จะบอกได้ว่ามีอิสรภาพทางการเงินและบังเอิญ 5 คนนี้เป็นคนที่ท่านรู้จักดี

อิสรภาพทางการเงิน 202208
ภาพจาก : Kavee Chukitkasem

คุณเห็นต้นไม้ของผมในรูปนี้ไหม ผมอุตส่าห์ขีดเส้นไว้ให้ไม่เห็นเลย เพราะฉะนั้นรูปนี้บอกอะไรคุณ ต้นไม้ของแต่ละคนหรืออิสรภาพทางการเงินของแต่ละคนเท่ากันไหมครับ แม้กระทั่งบิล เกตส์ ที่รวยที่สุดอันดับ 1 อันดับ 2 ของโลก หรือวอร์เรน บัฟเฟตต์ ที่เป็นนักลงทุนใหญ่อันดับ 1 ของ 2 โลกก็มีวงกลมหรือต้นไม้ไม่เท่ากัน แม้กระทั่งผมเป็นจุดเล็ก ๆ ถ้าเทียบจุดของผมนี่เป็นขนาดของโลก แต่เป็นโลกที่อยู่ในจักรวาลคือขนาดมันเป็นจุดเล็กมาก ๆ แต่มันก็เป็นความสุขของการมีอิสรภาพทางการเงินในแบบของผม

ทุกคนสามารถที่จะดีไซน์อิสรภาพทางการเงินของตัวเองได้ว่า เมื่อไหร่เราจะพอหรือไม่พอ ไม่เคยมีใครสอนเราเรื่องนี้นะครับ มีแต่ให้เราหาเงิน แล้วไม่เคยให้เงินไปทำงานหาเรา แต่รูปนี้จะบอก 3 สิ่งที่ผมอยากให้คุณจำไว้นะครับ 3 สิ่งที่ 5 คนนี้ทำเหมือนกัน สิ่งแรกเลย 3 คนนี้ คุณคิดว่าพวกเขาทำงานหนักไหมครับ? เขาขยันไหมครับ?

คุณคิดว่า วอร์เรน บัฟเฟตต์  เด็ก ๆ เป็นอะไรครับ เป็นนักลงทุนหุ้นที่รวยที่สุดในโลก ลงทุนอย่างเดียวในหุ้นที่รวยสุดในโลก เป็นเด็กส่งนม, ส่งหนังสือพิมพ์, ขายหมากฝรั่ง เพื่อที่จะหาเงินมาซื้อหุ้นตัวแรกตอนอายุ 11 ปี  แจ็ค หม่า สมัครงานใน KFC สมัคร 24 คน รับ 23 คน เหลือคนหนึ่งที่ปฏิเสธทายซิว่าใคร แจ็ค หม่า นั่นเองครับ เขาลำบากขนาดไหน ส่วนคุณเจริญ สิริวัฒนภักดี บอกเลยว่าตอนเด็ก ๆ เขาล้างขวดครับ เป็นเด็กขนของที่สำเพ็ง แล้ววันนี้เขาสร้างอาณาจักรไทยเบฟเวอเรจขึ้นมาได้ 

สิ่งที่เขาเหมือนกัน ข้อ 1 เขาขยัน เขาลำบาก เขาหาเงินครับ แต่ข้อ 2 เงินนั้นเขาสะสมเป็นอะไรครับ คุณเห็นวงแต่ละวงไหมที่มันใหญ่ เขาสะสมสินทรัพย์ครับ นั่นคือสิ่งที่เขาทำ อย่างคุณเจริญ สิริวัฒนภักดี สะสมที่ดิน, แจ็ค หม่า มีหุ้น, บิล เกตส์ ทำไมโครซอฟท์ มีหุ้นไมโครซอฟท์ และวอร์เรน บัฟเฟตต์ นี่ชัดเจนมากเป็นหุ้นล้วน ๆ แล้ววันนี้วอร์เรน บัฟเฟตต์ เขาถือหุ้น Apple

บิล เกตส์ ขายหุ้นไมโครซอฟท์ทิ้งเหลือแค่เปอร์เซ็นต์เดียว และเอาเงินทั้งหมดที่ขายหุ้นมาให้วอร์เรน บัฟเฟตต์ แล้วบิลเกตส์ที่เปิดไมโครซอฟท์มาถือหุ้น Apple แทนครับ ทำไมโครซอฟท์ แต่มาถือหุ้น Apple ทั้งที่เมื่อก่อนสองคนนี้เขาเป็นศัตรูกันด้วยซ้ำนะครับ

ข้อ 2 ที่เขามีเหมือนกันคือ เขามีเงิน เขาหาได้ เขาไม่ใช้ แต่เขาเอาไปสะสมสินทรัพย์ ไม่ได้บอกว่าเขาไม่ใช้เลยนะครับ เขาใช้ แต่เงินหลักของเขาเอามาสะสมในสินทรัพย์ และข้อที่ 3 ทั้ง 5 คนนี้เขาสร้างต้นไม้ของเขาเอง เขาสะสมสินทรัพย์เอง เพราะงั้นเขาจะรู้ว่าเขาต้องทำอย่างไรกับสินทรัพย์ของเขา 

ผมเตือนไว้นะครับสำหรับเด็ก ๆ บางคนที่ได้ต้นไม้มาจากพ่อแม่ แล้วมันออกดอกออกผลอยู่แล้ว ไม่ได้หมายความว่ามันจะออกดอกผลตลอดเวลานะครับ ถ้าคุณไม่ศึกษาและดูแลต้นไม้นั้นให้ดี ๆ เแต่ละคนที่มีสินทรัพย์สังเกตให้ดีนะครับ บางคนมีหุ้น บางคนมีอสังหาริมทรัพย์ บางคนอาจมีพันธบัตรรัฐบาล บางคนอาจจะเป็นเงินออมธรรมดา แต่อย่างน้อยเขาเก็บสะสมสินทรัพย์ แต่ถามว่าทั้งหมดทั้งปวงทั้ง 3 อย่างที่ผมให้คุณทำ

1.) ขยันทำงาน

2.) หาเงินสะสมสินทรัพย์

3.) ปลูกต้นไม้ด้วยตัวเอง ถ้าปลูกไม่ได้ก็ศึกษา พ่อแม่ให้ต้นไม้มาศึกษาดูว่าจะปลูกอย่างไรต่อ

ทั้ง 3 ข้อนี้ขอแค่วินัย มีวินัยในการทำงาน มีวินัยในการสะสมสินทรัพย์  วินัยสำคัญมาก แต่คนไทยมีวินัยไหม เรามีวินัยครับและมีมากด้วย ประชากรไทยมี 66 ล้านคน 21 ล้านคนซื้อลอตเตอรี่ครับ มีแค่ 1 ล้านคนเท่านั้นที่ลงทุนในหุ้น ทำให้กองสลากส่งรายได้เข้ารัฐเป็นอันดับสูงที่สุดในรัฐวิสาหกิจทั้งหมด

ใน 1 ปีขายลอตเตอรี่ได้เกือบ 2 แสนล้านบาทมากกว่าการลงทุนใน LTF หรือกองทุนหุ้นระยะยาว หรือกองทุนเกษียณอายุ มากกว่ากองทุนเหล่านี้ถึง 3 เท่าตัว เฉลี่ย 1 คน 21 ล้านคน เฉลี่ย 1 คนซื้อลอตเตอรี่เดือนละ760 บาท ซื้อแทบทุกงวดมีวินัยไหมครับ มีมากครับ คนไทยมีวินัย แต่ไปวินัยในเรื่องนี้..

ถ้าเราเปลี่ยนเรื่องนี้เป็นการลงทุนในสินทรัพย์บ้างล่ะ เรามีวินัยในการลงทุนเปลี่ยนลอตเตอรี่เป็นสินทรัพย์ แล้วเราไม่เอาเงินไปซื้อลอตเตอรี่ แต่นำมาลงทุนในหุ้น ซึ่งได้ผลตอบแทนเฉลี่ยระยะยาวได้ปีละ 12 % ผมเขียนตัวเลข 456 เดือนหรือ 38 ปีคือระยะเวลาที่คุณทำงานตั้งแต่อายุ 22 ปี จนถึงอายุ 60 ปี แล้วคุณไม่ซื้อลอตเตอรี่เลย แล้วเอาเงิน 760 บาทมาลงทุนในหุ้นเฉลี่ยได้ผลตอบแทน 12 % คุณจะได้เงิน 7 ล้านบาท ซึ่งมากกว่ารางวัลที่ 1 ของลอตเตอรี่ 

เปลี่ยนลอตเตอรี่เป็นสินทรัพย์ อิสรภาพทางการเงิน
ภาพจาก : Kavee Chukitkasem

ทุกคนถูกรางวัลลอตเตอรี่ที่ 1 ได้หมดครับ เพียงแค่เปลี่ยนลอตเตอรี่ แต่เอาเถอะหลายคนบอกว่าไม่เอาฉันอยากจะซื้อลอตเตอรี่ ฉันยังอยากจะซื้อนู่นซื้อนี่ ฉันอยากจะกิน 

ไม่น่าเชื่อครับ.. น้อง ๆ ที่จบการศึกษามาหรือใครก็ตามที่เริ่มมีเงิน สิ่งแรกที่เขาจะคิดซื้อเป็นสินทรัพย์คือ รถ ไม่ใช่บ้าน ไม่ใช่หุ้น แล้วคุณลองดูรถ รถมันเป็นหนี้นะไม่ใช่สินทรัพย์ มันเป็นสินทรัพย์ที่สร้างหนี้ให้กับเรา เปลี่ยนหนี้มาเป็นสินทรัพย์กันไหม ถ้าเราต้องจ่ายเงินเดือนละ 9,600 บาท ซึ่งเราขยันมากในการจ่ายเงิน 0 % 10 เดือน ขยันไหม มีวินัยไหม มีวินัยมากครับ ผ่อนรถก็มีวินัย

ถ้าคุณเอาเงินผ่อนรถ 9,600 บาทต่อเดือน ในการผ่อนรถคันละประมาณ 5 แสน ระยะเวลา 5 ปี เดือนละ 9,600 บาท 8 % ต่อปีพอครับ ไม่จำเป็นต้องหุ้นทั้งหมดด้วย กระจายความเสี่ยงได้อีกต่างหากจะได้เงินทั้งหมด 30 ล้านบาท

eco car เป็นทรัพย์ อิสรภาพทางการเงิน
ภาพจาก : Kavee Chukitkasem

ผมยกตัวอย่าง 2 ข้อนี้ให้คุณดู ถ้าคุณยังไม่เห็นภาพ ข้อที่ 1 ถ้าผมให้เงินคุณเลยวันนี้ 100 ล้านบาท กับข้อที่ 2 ผมให้คุณแค่บาทเดียว แต่เงิน 1 บาทจะโตขึ้นทุก ๆ สองเท่าทุก ๆ 1 วันเป็นเวลา 31 วัน วันที่ 1 ได้ 1 บาท, วันที่ 2 ได้ 2 บาท, วันที่ 3 จะเพิ่มขึ้นเป็น 4 บาท, วันที่ 4 จะเพิ่มขึ้นเป็น 8 บาทโอเคไหม แล้วเป็น 16 บาทไปเรื่อย ๆ ให้คุณเลือก เอา 100 ล้านวันนี้หรือจะเอาแค่ 1 บาทครับ 

ถ้าคุณเลือก 100 ล้านวันนี้ คุณจะพลาดเงินเท่าไหร่ในวันที่ 31 รู้ไหมครับ? 1,070 ล้านบาท แค่ 1 บาทแล้วเพิ่มขึ้นทุก ๆ สองเท่าทุกวัน แค่ 31 วัน 1,000 ล้านบาทแล้ว แต่ถ้าในวันที่ 3 ได้ 4 บาท แล้วคุณเผลอใช้ 1 บาท เหลือ 3 บาท แล้วให้กลับมาโตเท่าตัวไปอีกเท่าเดิม 31 วัน คุณเชื่อไหมครับว่าจาก1,070 ล้านบาท คุณจะหายไปกี่ล้านจากการใช้เงินเพียงแค่ 1 บาทในช่วงแรกของการเริ่มต้น

หายไป 300 ล้านบาทครับ นั่นหมายความว่าถ้าคุณเอา 9,600 บาทเริ่มใช้ตั้งแต่วันแรกที่คุณทำงาน แล้วคุณเอาไปซื้อรถ โดยที่คุณไม่ได้ลงทุนในสินทรัพย์ ผมไม่ได้บอกคุณซื้อไม่ได้นะครับ แต่ถ้าคุณมีเงินลงทุนในสินทรัพย์ได้หลังจากซื้อรถแล้วผมโอเค แต่ถ้าไม่มีเลยไม่ควรซื้อ ถ้าคุณทำวันนั้น เงินคุณจะหายไป 30 ล้านบาทในวันที่คุณเกษียณเดือนที่ 456 หรืออายุ 60 ปี

เพราะฉะนั้นสิ่งที่ง่ายที่สุดคือ วินัย สิ่งที่ทำให้ดีที่สุดคือ ทำงานหาเงิน สะสมสินทรัพย์ให้มีวินัยเหมือนมีวินัยในการซื้อลอตเตอรี่ มีวินัยการผ่อนรถ ผ่อนบ้าน มีวินัยจัง แต่ทำไมกับเรื่องการสะสมสินทรัพย์ ที่ดิน หุ้นพันธบัตร ตราสารหนี้อะไรก็แล้วแต่ ทำไมเราไม่มีวินัยครับ แล้วทำไมผมถึงอยากให้ทุกคนมีอิสรภาพทางการเงิน มันเป็นความฝันอันสูงสุดของผมมากเลยนะครับในเรื่องของอิสรภาพทางการเงิน เพราะว่าเมื่อใดก็ตามที่คนไทยมีอิสรภาพทางการเงินมากกว่า 5% อย่างน้อยเขาไม่เป็นภาระครับ

แต่สิ่งที่ผมหวังมากกว่าก็คือ คนที่มีอิสรภาพทางการเงินจะลุกขึ้นมาทำสิ่งที่ดีครับ เราเห็นบิล เกตส์ คนร่ำรวยอันดับ 1 อันดับ 2 ของโลกออกมาตั้งมูลนิธิ Giving Pledge มูลนิธินี้เปิดขึ้นมาชักชวนคนร่ำรวยทั้งหมดบริจาคเงิน สัญญาว่าจะให้ Giving Pledge สัญญาว่าจะให้เมื่อเสียชีวิตจะให้สินทรัพย์ครึ่งหนึ่งหรือทั้งหมดกับมูลนิธิ เพื่อเอาไปช่วยเหลือสังคม นี่คือคนที่มีอิสรภาพทางการเงิน เขาทำหลังจากนั้น 

หรือโครงการรักษ์ป่าน่านของคุณบัณฑูร ล่ำซำ มันคือการมีอิสรภาพทางการเงิน และสามารถที่จะใช้เงินเหล่านั้นมาสร้างประโยชน์ให้กับประเทศไทย ผมเป็นคนหนึ่งที่มีอิสรภาพทางการเงิน ผมไม่ได้มีเงินมากมายนะครับ แต่ผมพบว่าผมมีอิสรภาพทางการเงินแล้ว แล้วผมกำลังจะอุทิศตัวเอง เพื่อทำให้ทุกคนมีอิสรภาพทางการเงินมากขึ้นในประเทศไทย และหวังว่าการที่คนไทยมีอิสระทางการเงินมากขึ้นจะทำให้ประเทศไทยดีขึ้น ผมเลือกแล้วว่าฝันต่อไปของผมเป็นอะไร ฝันของคุณ อิสรภาพทางการเงินคุณเริ่มแล้วหรือยัง ขอบคุณครับ

Resource : ทำไมถึงมีคนไทยเพียง 5% ที่มีอิสรภาพทางการเงิน, Kavee Chukitkasem

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น